Daemon X Machina Titanic Scion Deluxe Edition สมรภูมิเหล็กเดือด ทายาทแห่งไททัน

Daemon X Machina Titanic Scion Deluxe Edition สมรภูมิเหล็กเดือด ทายาทแห่งไททัน

รีวิว Daemon X Machina Titanic Scion Deluxe Edition: สมรภูมิเหล็กเดือด ทายาทแห่งไททัน


บทนำ (Introduction)

สวัสดีครับเหล่าไพล็อตและเกมเมอร์ผู้หลงใหลในมหากาพย์สงครามหุ่นรบทุกท่าน! วันนี้ผมจะพาคุณทะยานเข้าสู่ใจกลางสมรภูมิเดือดแห่งอนาคตกับเกมที่หลายคนรอคอยภาคต่ออย่างใจจดใจจ่อ Daemon X Machina Titanic Scion Deluxe Edition ผลงานล่าสุดจาก Marvelous First Studio ที่พร้อมจะยกระดับประสบการณ์การต่อสู้ด้วยจักรกลรบให้ดุเดือดและล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม สำหรับผมแล้ว การกลับมาของซีรีส์นี้เปรียบเสมือนการได้กลับไปพบเพื่อนเก่าที่มาพร้อมกับของเล่นใหม่สุดเจ๋ง และในฐานะแฟรนไชส์ที่เคยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเกมแนว Mecha Action การมาถึงของ Titanic Scion จึงเต็มไปด้วยความคาดหวังที่สูงลิ่ว คำถามคือ... มันจะสามารถสืบทอดบัลลังก์และก้าวข้ามความสำเร็จของภาคแรกไปได้หรือไม่? ในรีวิวฉบับเจาะลึกนี้ ผมจะพาคุณไปผ่าพิสูจน์ทุกแง่มุม ตั้งแต่ระบบการเล่นที่ถูกปรับปรุงใหม่ เนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้น ไปจนถึงความอลังการของงานภาพและเสียง เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจว่า สมรภูมิแห่งใหม่นี้คุ้มค่าแก่การกระโจนเข้าไปร่วมรบหรือไม่ เตรียมตัวให้พร้อม สวมชุดไพล็อตของคุณให้แน่น แล้วทะยานไปกับผมได้เลย!

การต่อสู้กลางอากาศของหุ่นรบ Arsenal

สำหรับ Deluxe Edition ที่ผมได้รับมาทดสอบนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเกมหลัก แต่ยังอัดแน่นมาด้วยคอนเทนต์พิเศษที่จะทำให้การปรับแต่งและประสบการณ์ของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Expansion Pack "Into the Abyss" ที่จะปล่อยออกมาในอนาคต, ชุดตกแต่ง Arsenal และตัวละครพิเศษอีกมากมาย ซึ่งผมจะกล่าวถึงรายละเอียดเหล่านี้ในส่วนท้ายๆ แต่ตอนนี้... ถึงเวลาที่เราจะเข้าสู่ห้องบังคับของ Arsenal แล้วล่ะครับ!


การเล่นเกม (Gameplay)

ถ้าคุณเคยสัมผัสภาคแรกมาแล้วล่ะก็ ผมต้องบอกว่าความรู้สึกแรกที่ได้จับ Titanic Scion คือ "ทั้งคุ้นเคยและแตกต่าง" อย่างน่าประหลาดใจ หัวใจหลักของเกมยังคงเป็นการต่อสู้ด้วยความเร็วสูงในฐานะไพล็อตของ "Arsenal" หุ่นรบจักรกลคู่ใจ แต่ครั้งนี้ Marvelous ได้ทำการปรับเปลี่ยนที่สำคัญหลายอย่าง เริ่มจากการเปลี่ยนจากหุ่นรบขนาดมหึมาในภาคแรก มาเป็น Exosuit-like Arsenal ที่มีขนาดเล็กลง ปราดเปรียวและคล่องตัวกว่าเดิมมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลโดยตรงต่อมิติการต่อสู้ ทำให้การเคลื่อนที่มีความเป็นอิสระและรวดเร็วจนน่าทึ่ง คุณสามารถดับเบิ้ลแท็บปุ่มกระโดดเพื่อทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้แทบจะทุกที่ทุกเวลา การต่อสู้จึงไม่ใช่แค่การยืนแลกกระสุนบนพื้นดินอีกต่อไป แต่เป็นการทำสงครามสามมิติเต็มรูปแบบ ทั้งการด็อกไฟต์กลางอากาศ ไล่ล่าศัตรูผ่านซากปรักหักพังของเมือง หรือพุ่งหลบจรวดมิสไซล์ที่สาดเข้ามาเป็นห่าฝน ความรู้สึกของการได้ควบคุม Arsenal ที่ตอบสนองได้ดั่งใจคิด มันคือความฝันของคนรักเกมเมคค่าอย่างแท้จริงครับ

การปรับแต่ง Arsenal ในโรงเก็บ

หัวใจสำคัญที่ทำให้ซีรีส์นี้โดดเด่นและยังคงอยู่ครบถ้วนในภาคนี้คือระบบ Customization ที่ลึกสุดใจ คุณไม่ได้แค่เลือกใช้อาวุธ แต่คุณคือผู้สร้างสรรค์จักรกลสังหารของคุณเอง ตั้งแต่หัว, ลำตัว, แขน, ขา, ไปจนถึงบูสเตอร์และอาวุธนานาชนิด ทุกชิ้นส่วนล้วนส่งผลต่อค่าสถานะและสไตล์การเล่นของคุณอย่างชัดเจน คุณอยากจะสร้าง Arsenal สายแทงค์ที่ติดตั้งปืนใหญ่และเกราะหนา หรือจะเป็นสายความเร็วสูงที่เน้นการโจมตีระยะประชิดด้วยดาบเลเซอร์? ทุกอย่างเป็นไปได้ และความสนุกของมันคือการออกไปทำภารกิจ ล่าชิ้นส่วนจาก Arsenal ของศัตรูที่ถูกทำลาย แล้วนำกลับมาที่โรงเก็บเพื่อทดลองประกอบเป็นรูปแบบใหม่ๆ นี่คือวงจรการเล่นที่ทำให้ผมติดหนึบอยู่กับเกมได้เป็นวันๆ การได้เห็นหุ่นรบที่เราบรรจงสร้างค่อยๆ เก่งกาจขึ้น และสามารถเอาชนะศัตรูที่เคยเป็นเรื่องยากได้ มันคือรางวัลที่คุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ ครับ

ฉากต่อสู้กับบอสขนาดมหึมา

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือการที่เกมเปลี่ยนมาใช้โครงสร้างแบบ Open World แทนที่การเลือกภารกิจแบบเดิมๆ คุณจะถูกปล่อยลงบนดาวเคราะห์ที่เรียกว่า "The Ground" ซึ่งเป็นโลกที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยอันตราย คุณสามารถบินสำรวจไปได้ทั่วทั้งแผนที่เพื่อทำภารกิจหลัก, ภารกิจย่อย, ค้นหาทรัพยากร หรือแม้กระทั่งเผชิญหน้ากับบอสสุดโหดที่ลาดตระเวนอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ การสำรวจโลกที่กว้างใหญ่นี้ให้อารมณ์คล้ายกับเกมอย่าง Xenoblade Chronicles X ที่การเดินทางและการค้นพบเป็นส่วนหนึ่งของความสนุก นอกจากนี้ เกมยังเพิ่มระบบดันเจี้ยนใต้ดินที่เรียกว่า Sovereign Axiom Facilities ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบการเล่นไปเป็นแนว Extraction Shooter ชั่วคราว ให้คุณได้เข้าไปเสี่ยงภัยเพื่อหาไอเท็มและทรัพยากรหายาก ถือเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับการเล่นได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญที่สุดคือ โหมด Online Co-op ที่รองรับผู้เล่นสูงสุด 3 คน ทำให้คุณสามารถชวนเพื่อนมาร่วมรบในแคมเปญเนื้อเรื่องทั้งหมดได้เลย การได้ประสานงานกับเพื่อนเพื่อล้มบอสยักษ์ Immortals เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและวุ่นวายในเวลาเดียวกันครับ


เนื้อเรื่องและบรรยากาศ (Story and Atmosphere)

เรื่องราวของ Titanic Scion เกิดขึ้นหลายร้อยปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก มนุษยชาติได้อพยพไปยังดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่รู้จักกันในนาม "Blue Planet" แต่สันติสุขก็อยู่ได้ไม่นาน ความขัดแย้งได้ปะทุขึ้นระหว่างชาวมนุษย์ธรรมดาที่อาศัยอยู่บนพื้นผิวโลก (The Ground) กับเหล่า "Outers"—กลุ่มคนที่มีความสามารถพิเศษจากการสัมผัสกับพลังงาน Femto—ซึ่งได้ยึดครองสถานีอวกาศ "The Garden" และปกครองเหล่ามนุษย์เบื้องล่างอย่างกดขี่ในนามของ Sovereign Axiom คุณจะได้รับบทเป็น Outer นายทหารคนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุจนเครื่องตกมายัง The Ground และได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มต่อต้านของมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่า "Reclaimers"

ตัวละครสนทนากันในฐานทัพ Reclaimers

ในฐานะคนนอกที่ตกสวรรค์มา คุณต้องพิสูจน์ตัวเองและเข้าร่วมกับฝ่าย Reclaimers เพื่อต่อสู้ปลดแอกมนุษยชาติจากการปกครองอันโหดร้ายของพวกพ้อง Outer ด้วยกันเอง พล็อตเรื่องมีความเป็นมหากาพย์สงครามอวกาศที่เข้มข้น มีการหักมุมทางการเมืองและปมปริศนาเกี่ยวกับพลังงาน Femto และเหล่า "Immortals" สิ่งมีชีวิตจักรกลปริศนาที่คุกคามทุกคนบนดาวดวงนี้ การเล่าเรื่องทำได้ค่อนข้างดี มีตัวละครที่น่าจดจำและมีมิติ แม้ว่าบางครั้งบทสนทนาอาจจะดูซับซ้อนและเต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะทางไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วมันสามารถสร้างแรงผลักดันให้ผมอยากติดตามต่อไปได้ว่าสงครามครั้งนี้จะจบลงอย่างไร บรรยากาศของเกมให้ความรู้สึกสิ้นหวังและโดดเดี่ยว โลกของ The Ground เป็นดินแดนที่แห้งแล้งและอันตราย ความสวยงามที่หลงเหลืออยู่คือซากปรักหักพังของอารยธรรมในอดีต ซึ่งตัดกับภาพของ The Garden ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าอย่างชัดเจน มันช่วยตอกย้ำธีมของความเหลื่อมล้ำและการต่อสู้เพื่ออิสรภาพได้เป็นอย่างดี


กราฟิก เสียง และประสิทธิภาพ (Graphics, Sound, and Performance)

ในด้านงานภาพ Daemon X Machina Titanic Scion ยังคงเอกลักษณ์สไตล์ภาพแบบ Cel-Shade ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูอนิเมะคุณภาพสูงอยู่ แต่มีการยกระดับรายละเอียดและแสงเงาให้สวยงามสมจริงยิ่งขึ้นตามพลังของเครื่องเกมยุคใหม่ โมเดลของ Arsenal นั้นคือจุดที่น่าประทับใจที่สุด ทุกชิ้นส่วนมีรายละเอียดที่ซับซ้อนและสวยงาม การที่คุณสามารถปรับแต่งสีสันและติดดีคอลได้อย่างอิสระ ทำให้หุ่นรบแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง เอฟเฟกต์การระเบิด, ลำแสงเลเซอร์, และควันจากการยิงปืนใหญ่นั้นทำออกมาได้อย่างตระการตา ทำให้การต่อสู้ทุกครั้งเต็มไปด้วยสีสันและความดุเดือด

Arsenal บินสำรวจโลก Open World ที่กว้างใหญ่

อย่างไรก็ตาม ผมต้องยอมรับว่าในขณะที่โมเดลของหุ่นรบทำออกมาได้ยอดเยี่ยม แต่การออกแบบสภาพแวดล้อมในโลก Open World กลับค่อนข้างน่าผิดหวังในบางจุด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบที่ดูคล้ายๆ กันไปหมด ขาดความหลากหลายและรายละเอียดที่น่าสนใจ ทำให้การสำรวจในบางครั้งรู้สึกซ้ำซากและว่างเปล่าไปบ้าง ส่วนในด้านประสิทธิภาพ ตัวเกมที่ผมทดสอบบน PC นั้นสามารถรันได้อย่างลื่นไหลในระดับ 60 FPS เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางช่วงเวลาที่เฟรมเรตตกบ้าง โดยเฉพาะในฉากที่มีศัตรูจำนวนมากหรือมีการระเบิดอย่างหนักหน่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังว่าจะได้รับการแก้ไขในแพตช์ต่อๆ ไป

ทางด้านเสียงประกอบ เพลงประกอบของเกมยังคงยอดเยี่ยมเช่นเคยด้วยดนตรีแนวร็อกและอิเล็กทรอนิกส์ที่เร่งเร้าอะดรีนาลีนของคุณให้สูบฉีดตลอดการต่อสู้ เสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ ตั้งแต่เสียงบูสเตอร์พุ่งทะยาน, เสียงปืนกลที่สาดกระสุน, ไปจนถึงเสียงดาบเลเซอร์กระทบกัน ล้วนทำออกมาได้อย่างหนักแน่นและทรงพลัง ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของสงครามจักรกลได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสียงพากย์ของตัวละครก็ทำได้ดี มีการให้เสียงที่เข้ากับบุคลิกของแต่ละตัวละครได้เป็นอย่างดีครับ

การต่อสู้บนภาคพื้นดินที่ดุเดือด

ข้อดีและข้อเสีย (Pros and Cons)

ข้อดี (Pros)

  • ระบบการต่อสู้ 3 มิติความเร็วสูง: การควบคุม Arsenal ที่บินได้อิสระนั้นสนุกและลื่นไหลอย่างเหลือเชื่อ
  • การปรับแต่งที่ลึกสุดๆ: อิสระในการสร้างและปรับแต่งหุ่นรบในสไตล์ของคุณเองคือจุดเด่นที่สุดของเกม
  • เนื้อเรื่องเข้มข้นน่าติดตาม: สงครามระหว่าง Reclaimers และ Sovereign Axiom มีมิติและปมที่น่าสนใจ
  • โหมด Co-op ที่ยอดเยี่ยม: การได้ร่วมมือกับเพื่อนเพื่อลุยแคมเปญและต่อสู้กับบอสยักษ์เป็นประสบการณ์ที่ห้ามพลาด
  • งานภาพสไตล์อนิเมะที่เป็นเอกลักษณ์: โมเดลของ Arsenal และเอฟเฟกต์การต่อสู้สวยงามตระการตา

ข้อเสีย (Cons)

  • โลก Open World ที่ค่อนข้างว่างเปล่า: การออกแบบสภาพแวดล้อมขาดความหลากหลายและรายละเอียดที่น่าจดจำ
  • ปัญหาประสิทธิภาพในบางช่วง: มีอาการเฟรมเรตตกในฉากที่การต่อสู้มีความโกลาหลสูง
  • ภารกิจย่อยอาจรู้สึกซ้ำซาก: ภารกิจเสริมบางอย่างมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันเกินไป

สรุปและคะแนน (Conclusion and Score)

Daemon X Machina Titanic Scion Deluxe Edition คือภาคต่อที่ทะเยอทะยานและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง มันได้นำเอาหัวใจหลักที่แฟนๆ ชื่นชอบจากภาคแรก นั่นคือการต่อสู้ด้วยความเร็วสูงและการปรับแต่งหุ่นรบที่ล้ำลึก มาขยายผลในโลกที่กว้างใหญ่ขึ้น แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ Open World จะยังมีจุดที่ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะในเรื่องความหลากหลายของสภาพแวดล้อม แต่แก่นของความสนุกในการสร้างและขับเคลื่อน Arsenal คู่ใจของคุณเพื่อเข้าสู่สมรภูมิเดือดนั้นยังคงอยู่ครบถ้วนและถูกขัดเกลาให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

สำหรับผมแล้ว นี่คือเกมที่แฟนพันธุ์แท้ของเกมแนว Mecha Action จะต้องหลงรัก และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ที่อยากจะลองสัมผัสความมันส์ของการต่อสู้ด้วยหุ่นรบ หากคุณกำลังมองหาเกมแอ็คชั่นที่รวดเร็ว ท้าทาย และมีระบบปรับแต่งที่ลึกซึ้งให้คุณได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ผมขอแนะนำให้คุณกระโดดเข้าสู่ห้องนักบินของ Titanic Scion โดยไม่ลังเล นี่คือวิวัฒนาการอีกขั้นของสงครามจักรกลที่คุ้มค่ากับการรอคอยครับ

คะแนน: 8.5/10

0 ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็นในบทความนี้ มาเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นกันเถอะ!

แสดงความคิดเห็นของคุณ