รีวิว The Last of Us Part II Remastered: การเดินทางแห่งอารมณ์ที่เข้มข้นและน่าจดจำ

รีวิว The Last of Us Part II Remastered: การเดินทางแห่งอารมณ์ที่เข้มข้นและน่าจดจำ

The Last of Us Part II Remastered 1

ทำไม The Last of Us Part II Remastered ถึงเป็นที่พูดถึง?

ในฐานะนักรีวิวเกมที่เล่น The Last of Us Part II Remastered จบมาแล้ว ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่านี่คือหนึ่งในประสบการณ์การเล่นเกมที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสัมผัส เกมนี้ไม่ใช่แค่เกมแอคชันผจญภัยทั่วไป แต่เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความขัดแย้ง และการตัดสินใจที่ท้าทายจิตใจ ด้วยการอัปเกรดสำหรับ PlayStation 5 พร้อมกราฟิกที่สวยงามยิ่งขึ้นและโหมดใหม่ ๆ เช่น No Return ทำให้เกมนี้ยังคงเป็นที่สนใจของทั้งแฟนเก่าและผู้เล่นใหม่ ในรีวิวนี้ ผมจะพาคุณดำดิ่งสู่ทุกแง่มุมของเกม ตั้งแต่ความรู้สึกแรกที่เริ่มเล่นไปจนถึงตอนจบ พร้อมวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย และความประทับใจส่วนตัว เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่าเกมนี้เหมาะกับคุณหรือไม่


The Last of Us™ Part II Remastered 2

1. เริ่มต้นการเดินทาง: ความรู้สึกแรกเมื่อกดปุ่ม Play

เมื่อผมเริ่ม The Last of Us Part II Remastered ครั้งแรก ความรู้สึกตื่นเต้นผสมกับความกังวลใจเริ่มก่อตัวขึ้นทันที หลังจากที่เคยหลงรัก The Last of Us Part I ผมรู้ว่า Naughty Dog ไม่เคยทำให้ผิดหวังในเรื่องการเล่าเรื่อง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเกมนี้จะต่อยอดจากภาคแรกได้อย่างไร ฉากเปิดเรื่องในเมืองแจ็คสันที่ปกคลุมด้วยหิมะนั้นงดงามราวกับภาพวาด กราฟิกที่ได้รับการปรับปรุงในเวอร์ชัน Remastered ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังดูภาพยนตร์คุณภาพสูงมากกว่าการเล่นเกม การใช้คอนโทรลเลอร์ DualSense ยังเพิ่มความสมจริงด้วยระบบ haptic feedback ที่ทำให้รู้สึกถึงพื้นผิวของหิมะหรือแรงกระแทกจากการต่อสู้

ในช่วงแรก ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นของความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครอย่าง เอลลี่ และ โจล แต่ก็สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่กำลังก่อตัว Naughty Dog เก่งมากในการปูเรื่องให้ผู้เล่นรู้สึกผูกพันกับตัวละครก่อนที่จะพาเราเข้าสู่เหตุการณ์ที่เปลี่ยนทุกอย่าง ความรู้สึกตอนนี้คือการอยากสำรวจโลกของเกมให้มากขึ้น แต่ก็รู้สึกถึงเงามืดของโศกนาฏกรรมที่กำลังจะมา


The Last of Us™ Part II Remastered 3

2. เกมเพลย์: การผสมผสานระหว่างความตึงเครียดและความลื่นไหล

การต่อสู้ที่สมจริงและโหดร้าย

ระบบการต่อสู้ใน The Last of Us Part II Remastered เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ผมประทับใจมาก การผสมผสานระหว่างการลอบเร้น (stealth) และการต่อสู้แบบดุเดือดทำให้ทุกการเผชิญหน้าตื่นเต้นและท้าทาย ผมรู้สึกถึงความกดดันทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรู ไม่ว่าจะเป็นพวก Infected หรือกลุ่มศัตรูมนุษย์อย่าง WLF และ Seraphites การที่ศัตรูมี AI อัจฉริยะ เช่น การเรียกชื่อเพื่อนเมื่อถูกโจมตี ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับคนจริง ๆ ไม่ใช่แค่ NPC

โหมด No Return: ความท้าทายใหม่

โหมด No Return ซึ่งเป็นโหมด roguelike ที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชัน Remastered นั้น ทำให้ผมติดหนึบเป็นพิเศษ โหมดนี้ให้ผมเลือกตัวละครต่าง ๆ เช่น เอลลี่, แอ๊บบี้ หรือตัวละครรองอื่น ๆ เพื่อต่อสู้ในสถานการณ์ที่สุ่มขึ้นมา ความรู้สึกตอนเล่นโหมดนี้เหมือนถูกทดสอบทักษะการเอาตัวรอดอย่างแท้จริง ทุกการตายสอนให้ผมเรียนรู้และปรับปรุงกลยุทธ์ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกถึงความก้าวหน้าและความท้าทายที่สมดุล


The Last of Us™ Part II Remastered 3

3. การเล่าเรื่อง: อารมณ์ที่หนักหน่วงและการตัดสินใจที่ท้าทาย

เนื้อเรื่องที่ลึกซึ้ง

The Last of Us Part II ไม่ใช่เกมที่เล่นเพื่อความสนุกสนานแบบผิวเผิน แต่เป็นเกมที่ท้าทายอารมณ์และมุมมองของผู้เล่น เรื่องราวของ เอลลี่ และ แอ๊บบี้ นั้นซับซ้อนและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ผมรู้สึกโกรธและเสียใจในช่วงแรกของเกมเมื่อเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น (เพื่อหลีกเลี่ยงสปอยล์ ผมจะไม่ลงรายละเอียด) แต่เมื่อได้เล่นในมุมมองของแอ๊บบี้ ผมเริ่มเข้าใจและเห็นอกเห็นใจตัวละครที่ผมเคยเกลียด การเปลี่ยนมุมมองนี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ตั้งคำถามกับความถูกต้องและความผิดในโลกที่ไม่มีขาวดำ

ความรู้สึกตอนจบ

เมื่อถึงตอนจบของเกม ผมรู้สึกทั้งโล่งใจและหนักอึ้งในเวลาเดียวกัน การตัดสินใจของตัวละครในช่วงท้ายทำให้ผมครุ่นคิดถึงความหมายของการให้อภัยและการปล่อยวาง ผมใช้เวลาหลายวันหลังเล่นจบเพื่อนั่งทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม มันไม่ใช่แค่การจบเกม แต่เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนมุมมองของผมต่อการเล่าเรื่องในวิดีโอเกม


The Last of Us™ Part II Remastered 4

4. กราฟิกและเสียง: การยกระดับประสบการณ์

กราฟิกที่สมจริง

กราฟิกในเวอร์ชัน Remastered นั้นยอดเยี่ยมจนแทบไม่มีที่ติ ทุกฉาก ไม่ว่าจะเป็นป่าที่ย่ำแย่ของซีแอตเทิลหรือเมืองที่ถูกทิ้งร้าง ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกหลังหายนะจริง ๆ การใช้แสงและเงา รวมถึงรายละเอียดของใบหน้าและการแสดงอารมณ์ของตัวละคร ทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับตัวละครมากขึ้น

เสียงที่ดึงอารมณ์

ด้านเสียงนั้น ซาวด์แทร็กของ Gustavo Santaolalla ยังคงเป็นหัวใจของเกม เพลงที่ใช้กีตาร์อะคูสติกเรียบง่ายแต่ทรงพลังช่วยขับเน้นอารมณ์ในแต่ละฉาก การพากย์เสียงของนักแสดงอย่าง Ashley Johnson (เอลลี่) และ Laura Bailey (แอ๊บบี้) ทำให้ตัวละครมีชีวิตชีวาและน่าเชื่อถือ


The Last of Us™ Part II Remastered 5

5. จุดเด่นและจุดด้อย

จุดเด่น

  • เนื้อเรื่องที่ลึกซึ้ง: การเล่าเรื่องที่ท้าทายและชวนให้คิดถึงประเด็นการแก้แค้นและการให้อภัย
  • เกมเพลย์ที่หลากหลาย: การผสมผสานระหว่างลอบเร้นและแอคชันที่สมดุล
  • โหมด No Return: เพิ่มความท้าทายและความสนุกสำหรับผู้เล่นที่ต้องการอะไรใหม่ ๆ
  • กราฟิกและเสียงระดับท็อป: การอัปเกรดสำหรับ PS5 ทำให้ประสบการณ์สมจริงยิ่งขึ้น

จุดด้อย

  • จังหวะของเกม: บางช่วงอาจรู้สึกยืดเยื้อ โดยเฉพาะในส่วนของแอ๊บบี้ที่อาจไม่ถูกใจผู้เล่นบางคน
  • ความหนักหน่วงทางอารมณ์: เกมนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประสบการณ์เบาสมอง
  • ความต้องการสเปกเครื่อง: ถึงแม้จะเป็นเวอร์ชัน Remastered แต่ก็ยังต้องการพื้นที่จัดเก็บเยอะและเครื่อง PS5 เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุด

6. ความรู้สึกโดยรวมและคำแนะนำ

หลังจากเล่น The Last of Us Part II Remastered จบ ผมรู้สึกเหมือนได้ผ่านการเดินทางที่ทั้งสวยงามและเจ็บปวด เกมนี้ไม่ใช่แค่การเล่นเพื่อความสนุก แต่เป็นการสำรวจความเป็นมนุษย์ผ่านเรื่องราวและการตัดสินใจของตัวละคร ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเกมที่มีเนื้อเรื่องลึกซึ้ง กราฟิกสวยงาม และเกมเพลย์ที่ท้าทาย เกมนี้คือสิ่งที่คุณต้องลอง แต่ถ้าคุณกำลังมองหาเกมที่เบาสมองหรือเล่นเพื่อผ่อนคลาย เกมนี้อาจหนักเกินไปสำหรับคุณ

คะแนนรวม: 9.5/10
ผมให้คะแนนสูงเพราะเกมนี้ทำได้เกือบสมบูรณ์แบบในทุกด้าน แม้ว่าจะมีบางช่วงที่รู้สึกยืดเยื้อ แต่ประสบการณ์โดยรวมนั้นยอดเยี่ยมและน่าจดจำ


7. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. The Last of Us Part II Remastered แตกต่างจากเวอร์ชันเดิมอย่างไร?
เวอร์ชัน Remastered มีกราฟิกที่ได้รับการปรับปรุง, รองรับคอนโทรลเลอร์ DualSense, และเพิ่มโหมด No Return รวมถึงคอนเทนต์ behind-the-scenes

2. เกมนี้เหมาะกับผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยเล่นภาคแรกหรือไม่?
แนะนำให้เล่น The Last of Us Part I ก่อนเพื่อความเข้าใจในเนื้อเรื่อง แต่เกมนี้ก็มีบทสรุปย่อให้ผู้เล่นใหม่

3. โหมด No Return ยากเกินไปหรือไม่?
โหมดนี้ท้าทายแต่มีการปรับระดับความยากให้เหมาะกับผู้เล่นทุกระดับทักษะ


สรุป: ทำไมคุณควรเล่น The Last of Us Part II Remastered?

The Last of Us Part II Remastered ไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นประสบการณ์ที่ท้าทายทั้งด้านอารมณ์และทักษะการเล่น ด้วยเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้ง กราฟิกที่สวยงาม และโหมดใหม่ ๆ ที่เพิ่มความสนุก เกมนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมากกว่าความบันเทิงทั่วไป หากคุณพร้อมที่จะดำดิ่งสู่โลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและการตัดสินใจที่หนักหน่วง เกมนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง


🛒  คุณสามารถหาเกมนี้ไปเล่นได้ที่  🛒
https://www.itemxp-shop.com/2744-The_Last_of_Us_Part_II_Remastered.html#x

 

0 ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็นในบทความนี้ มาเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นกันเถอะ!

แสดงความคิดเห็นของคุณ